บันทึกการประชุม
คณะอนุกรรมาธิการปศุสัตว์ ประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
ในคณะกรรมาธิการส่งเสริมราคาผลิตผลเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร
ครั้งที่ ๕๖ วันอังคารที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการหมายเลข ๒๐๙ ชั้น ๒ อาคารรัฐสภา
อนุกรรมาธิการผู้มาประชุม คือ
๑. นายอลงกต มณีกาศ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ
๒. นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง
๓. นายชุมพล จุลใส รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่สอง
๔. นายสิทธิพร บุรณนัฏ อนุกรรมาธิการ
๕. นายพงษ์ศักดิ์ พิมพงศ์ อนุกรรมาธิการ
๖. นายพายัพ ยังปักษี อนุกรรมาธิการ
๗. นายภาสวัฒน์ บุญสม อนุกรรมาธิการ
๘. นายทศสีห์ โควสุรัตน์ อนุกรรมาธิการ
๙. นายกิตติศักดิ์ พรหมรัตน์ อนุกรรมาธิการ
๑๐. นายวิบูลย์ ไวยสุระสิงห์ เลขานุการคณะอนุกรรมาธิการ
ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการผู้มาประชุม คือ
๑. นายธนิต บุญรอด
๒. นายอนันต์ ฤกษ์ดี
๓. ดร.เลี้ยม วงศ์ผาบุตร
ผู้เข้าร่วมประชุม คือ
๑. นายเสน่ห์ ผลประสิทธิ์ อดีตผู้เชี่ยวชาญกรมประมง ระดับ ๑๐
เริ่มประชุมเวลา ๑๐.๐๕ นาฬิกา
เมื่ออนุกรรมาธิการมาครบองค์ประชุมแล้ว ประธานคณะอนุกรรมาธิการได้กล่าวเปิดประชุมและดำเนินการประชุมตามระเบียบวาระการประชุม สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
ระเบียบวาระที่ ๑ เรื่องที่ประธานแจ้งต่อที่ประชุม
ไม่มี
ระเบียบวาระที่ ๒ รับรองบันทึกการประชุม
รับรองบันทึกการประชุม ครั้งที่ ๕๔ วันอังคารที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๔ และบันทึกการประชุม ครั้งที่ ๕๕ วันอังคารที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ โดยไม่มีการแก้ไข
ระเบียบวาระที่ ๓ พิจารณาศึกษาแนวทางการเพาะเลี้ยงและส่งเสริมตลาดการค้าปลาบึก
นายอลงกต มณีกาศ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ ได้ กล่าวถึงเรื่องการพิจารณาศึกษา แนวทางการเพาะเลี้ยงและส่งเสริมตลาดการค้าปลาบึก โดยได้ขอข้อคิดเห็นต่าง ๆ จากที่ประชุม โดยมีรายละเอียดการพิจารณา ดังนี้
นายเสน่ห์ ผลประสิทธิ์ อดีตผู้เชี่ยวชาญกรมประมง ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมสรุปได้คือ ปลาบึกเป็นปลาที่มีคุณสมบัติเป็นปลาเศรษฐกิจหลายประการคือ
๑. มีอัตราการเจริญเติบโตเร็ว
๒. เนื้อมีรสชาติอร่อย
๓. ทนทานต่อโรคติดต่อ
๔. ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดี
๕. เป็นที่ต้องการของตลาด
เกษตรกร ได้เลี้ยงปลาบึกเพื่อการพาณิชย์กว่า ๗ ปีแล้ว โดยเกษตรกรรายย่อยมีผลผลิตประมาณ ๓๐๐-๔๐๐ ตัว ปลาบึกเป็นปลาที่โตเร็วเลี้ยง ๒ ปี ก็มีน้ำหนักถึงประมาณ ๒๐ กิโลกรัม เนื้อปลาบึกมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ ๑๐๐ บาท จึงเป็นปลาที่ทำรายได้ให้ผู้เลี้ยงได้ดี ซึ่งธรรมชาติของปลาบึกตั้งแต่เป็นไข่จนตัวโรมีขนาด ๕๐ เซนติเมตร ขึ้นไป จะเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารจากเดิมกินสัตว์น้ำขนาดเล็ก เช่น ไรน้ำ ลูกกุ้ง ลูกปลา เปลี่ยนเป็นกินพืช เช่น สาหร่ายในน้ำหรือหากนำปลาบึกมาเลี้ยง ในบ่อดินปลาบึกก็จะกินดินตะกอน ซากพืช ซากสัตว์ ทำให้เนื้อปลาบึกมีโปรตีนสูง รสชาติอร่อย หรือ อาจให้อาหารสำเร็จรูปโดยควรให้อาหารที่มีระดับโปรตีนไม่เกิน ๒๐% ปลา บึกก็จะมีอัตราเจริญเติบโตได้ดี และจุดเด่นอีกประการของปลาบึกคือ สามารถดำรงชีวิตในน้ำเค็มได้และทนต่อโรคได้ดี ทว่าในปัจจุบันเนื้อปลาบึกยังไม่อาจส่งออกนอกราชอาณาจักรได้ เนื่องจากปลาบึกเป็นสัตว์ที่ห้ามส่งออกตามอนุสัญญาไซเตส ซึ่งหากผู้ค้ารายใดต้องการส่งออกก็ต้องขออนุญาตเป็นราย ๆ ไป
นายอลงกต มณีกาศ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ ได้ซักถามต่อที่ประชุมสรุปได้คือ
- เกษตรมีวิธีเลี้ยงลูกปลาบึกอย่างไร ให้อาหารชนิดใด
- สามารถเลี้ยงปลาบึกร่วมกับปลาชนิดอื่นได้หรือไม่
นายเสน่ห์ ผลประสิทธิ์ อดีตผู้เชี่ยวชาญกรมประมง ได้ตอบข้อซักถามต่อที่ประชุมสรุปได้คือ
- เกษตร อาจให้อาหารสำเร็จรูปหรือเศษอาหารโดยในปีแรกควรให้อาหารที่มีโปรตีนสูง ปีที่ ๒ ควรให้อาหารชนิดเดียวกับปลาดุกใหญ่ ปลาบึกเป็นปลาที่กินอาหารได้แทบทุกชนิดเลี้ยงง่าย มีความอดทนสูง บ่อที่เลี้ยงควรเป็นบ่อดิน ปลาบึก ๑ ตัว ใช้เนื้อที่ ๑๖ ตารางเมตร หรือบ่อเนื้อที่ ๑ ไร่ สามารถเลี้ยงปลาบึกได้ ๑๖๐ ตัว
- ปลา บึกสามารถเลี้ยงรวมกับปลาชนิดอื่นได้เกษตรกรบางรายเลี้ยงรวมกับปลานิล และ ยังช่วยกำจัดสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ ในบ่อปลานิลได้ โดยเกษตรกรสามารถผสมอาหารเลี้ยงปลาบึกเองก็ได้แต่หากเกษตรกรบางรายให้ปลาบึก กินแต่มูลสัตว์ เช่น มูลไก่ มูลวัว อาจทำให้ปลาบึกได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ
นายพายัพ ยังปักษี อนุกรรมาธิการ ได้ซักถามต่อที่ประชุม ดังนี้
- ผู้ชี้แจงได้ทำการฝังไมโครชิพ ไว้ในตัวปลาบึกหรือไม่
- ค่า ph และความลึกของน้ำมีผลต่อการเพาะเลี้ยงปลาบึกหรือไม่
- ปัจจุบันมีจำนวนพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาบึกเพียงพอหรือไม่
นายเสน่ห์ ผลประสิทธิ์ อดีตผู้เชี่ยวชาญกรมประมง ได้ตอบข้อซักถามต่อที่ประชุมสรุปได้คือ
-ได้ มีการฝังไมโครชิพไว้ในตัวพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาบึกและได้จัดหาพ่อพันธุ์แม่ พันธุ์จากฟาร์ม อื่นมาเพาะเลี้ยงไว้ เมื่อครบ ๕ ปี จึงทำการแยกพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ออกอีกครั้งหนึ่ง โดยปลาบึกจะโตเต็มวัยพร้อมสืบพันธุ์ได้ต้องมีอายุ ๑๐ ปี ขึ้นไป
- คุณภาพของน้ำตามแหล่งน้ำทั่วไป สามารถเลี้ยงปลาบึกได้หมดเว้นแต่น้ำที่มีค่า ph ความ เป็นกรดสูง เช่น แหล่งน้ำบริเวณรังสิต ไม่ควรเลี้ยงปลาบึกแต่ก็สามารถแก้ไขได้เบื้องต้นด้วยการโรยปูนขาว และบ่อที่จะเลี้ยงควรมีความลึกขึ้นต่ำ ๒.๕๐ เมตร
- ยัง ไม่อาจประเมินจำนวนพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาบึกได้ ซึ่งผู้เลี้ยงบางรายในจังหวัดภาคกลาง เช่น จังหวัดนครสวรรค์ได้ทำการผสมพันธุ์ปลาลูกผสมขั้น โดยนำน้ำเชื้อปลาสวายผสมกับไข่ของปลาบึก จนกลายเป็นลูกผสมเรียกว่า “บิ๊กสวาย” ซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับปลาบึก แต่ก็มีวิธีสังเกตคือ ปลาบึกเมื่อโตครบ ๑ ปี แล้วจะไม่มีฟันแต่ปลาสวายยังคงมีฟันยังคงมีฟันอยู่
นายวิบูลย์ ไวยสระสิงห์ เลขานุการคณะอนุกรรมาธิการ ได้ซักถามต่อที่ประชุมสรุปได้คือ
- พื้นที่บริเวณใดซื้อปลาบึกไปเลี้ยงเป็นปลาบึกขุน
- หากเพาะเลี้ยงปลาบึกนาน ๑ ปี จะได้ผลผลิตมากน้อยเพียงไร
นายเสน่ห์ ผลประสิทธิ์ อดีตผู้เชี่ยวชาญกรมประมง ได้ตอบข้อซักถามต่อที่ประชุมสรุปได้คือ
- เกษตรกรภาคอีสานนิยมเลี้ยงปลาบึกขุน
ดร.เลี้ยม วงศ์ผาบุตร ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ได้ซักถามต่อที่ประชุมสรุปได้คือ
- มีการจำกัดจำนวนการซื้อลูกปลาบึกขั้นต่ำหรือไม่
- ลูกปลาบึกที่ผู้ชี้แจงจำหน่ายสามารถนำมาผสมเทียมได้หรือไม่
- หาก ต้องการเลี้ยงปลาบึกโดยใช้เนื้อที่ ประมาณ ๒๐ ไร่ ต้องมีค่าใช้จ่ายประมาณเท่าใด และหลังจากคำนวณต้นทุนแล้วจะคงเหลือกำไรประมาณกี่เปอร์เซนต์
นายเสน่ห์ ผลประสิทธิ์ อดีตผู้เชี่ยวชาญกรมประมง ได้ตอบข้อซักถามต่อที่ประชุมสรุปได้คือ
- ไม่ได้มีการจำกัดจำนวนการซื้อขั้นต่ำไว้
- ลูกปลาบึกที่เกิดจาการผสมเทียมยังสามารถนำไปผสมเทียมได้ต่อไปเนื่องจากยังคงสายพันธุ์แท้อยู่
- หาก ต้องการเลี้ยงปลาบึกโดยใช้เนื้อที่ประมาณ ๒๐ ไร่ ต้องใช้ลูกปลาบึกประมาณ ๓,๒๐๐ ตัว คิดเป็นราคาประมาณ ๑๒๘,๐๐๐ บาท เมื่อจำหน่ายหมดจะได้กำไรประมาณ ๕๐%
นายอลงกต มณีกาศ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ ได้ ให้ข้อเสนอแนะและซักถามต่อที่ประชุมสรุปได้คือ ควรมีการตั้งตลาดกลางให้ผู้ผลิตผู้ซื้อได้พบปะกันโดยตรงโดยอาจเริ่มจัดตั้ง ตลาดกลางที่จังหวัดเชียงรายก่อน
- รสชาติเนื้อปลาบึกที่เพาะเลี้ยงกับปลาบึกตามธรรมชาติแตกต่างกันหรือไม่
- หากเลี้ยงปลานิลร่วมกับปลาบึกในบ่อเดียวกันจะเกิดผลดีหรือเสียอย่างไร
- ลูกปลาบึกที่เกิดจากการผสมเทียมและลูกปลาบึกที่เกิดตามธรรมชาติวิธีใดที่ให้ผลผลิตดีกว่า
นายเสน่ห์ ผลประสิทธิ์ อดีตผู้เชี่ยวชาญกรมประมง ได้ตอบข้อซักถามต่อที่ประชุมสรุปได้คือ
- รสชาติของเนื้อปลาบึกตามธรรมชาติอร่อยกว่าแต่รสชาติของเนื้อปลาบึกที่เกิดจากการเพาะเลี้ยงก็ใกล้เคียงกับเนื้อปลาบึกตามธรรมชาติ
- หาก เลี้ยงปลาบึกร่วมกับปลานิลจะทำให้ปลาบึกเจริญเติบโตช้าลงเพราะปลาแย่งอาหาร แย่งแหล่งที่อยู่กัน ออกซิเจนในน้ำลดลง ปลานิลมีอัตราการตายสูงกว่าปลาบึกเนื่องจากมีความอดทนน้อยกว่าปลาบึก
- ลูกปลาบึกที่เกิดจากการผสมเทียมมีอัตราการรอดชีวิตสูงกว่า
นายพายัพ ยังปักษี อนุกรรมาธิการ ได้ซักถามต่อที่ประชุมคือ
- หากผู้ใดต้องการส่งออกปลาบึกออกภายนอกราชอาณาจักรต้องทำการขออนุญาตผ่านตัวผู้ชี้แจงใช่หรือไม่
- สามารถเลี้ยงปลาบึกในบ่อซีเมนต์ได้หรือไม่
นายเสน่ห์ ผลประสิทธิ์ อดีตผู้เชี่ยวชาญกรมประมง ได้ตอบข้อซักถามต่อที่ประชุมสรุปได้คือ
- สามารถขออนุญาตตามขั้นตอนของอนุสัญญาไซเตสได้ ไม่ต้องผ่านผู้ชี้แจง
- สามารถเลี้ยงปลาบึกในบ่อซีเมนต์ได้แต่อัตราการเจริญเติบโตช้ากว่าบ่อดินเนื่องจากขาด แร่ธาตุจากสารอาหารธรรมชาติ
จากนั้น คณะอนุกรรมาธิการได้ให้ข้อคิดเห็นเพิ่มเติมสรุปได้ดังนี้
- หากมีผู้นำปลาบึกไปประกอบอาหาร เช่น ก๋วยเตี๋ยวเนื้อปลาบึกน่าจะเป็นการเพิ่มมูลค่าและน่าจะเป็นธุรกิจใหม่ที่น่าลงทุน
- เนื้อปลาบึกมีรสชาติดีอาจทดลองทำเป็นปลาบึกรมควัน และจัดทำเป็นสินค้า OTOP ทำรายได้เข้าสู่ท้องถิ่น
- การเลี้ยงปลาบึกอาจแบ่งเป็นห่วงโซ่ (Supply Chain) โดยแบ่งเป็นต้นน้ำ กลางน้ำปลายน้ำ
- การฝังไมโครชิพ ในปลาบึกทำให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้จึงเป็นการเพิ่มมูลค่าของสินค้าได้อีกทางหนึ่ง
จากนั้น นายเสน่ห์ ผลประสิทธิ์ อดีต ผู้เชี่ยวชาญกรมประมง ได้ให้ข้อคิดเห็นเพิ่มเติมคือ การแบ่งการเลี้ยงเป็นต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ น่าจะเป็นผลดีต่อผู้เลี้ยงปลาบึกเพราะสามารถขายปลาบึกได้รวดเร็วตามจุด ประสงค์ของผู้เลี้ยง เนื่องจากปลาบึกมีอัตราการเจริญเติบโตเร็วเฉลี่ย ๑ นิ้วต่อสัปดาห์
นายพายัพ ยังปักษี อนุกรรมาธิการ ได้ซักถามต่อที่ประชุมสรุปได้คือ
- ปัจจุบันจำนวนพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาบึกเพียงพอหรือไม่ และปลาบึกอายุเท่าใดจึงนำมาผสมพันธุ์ได้
- มีการนำพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาบึกจากแม่น้ำโขงมาผสมพันธุ์บ้างหรือไม่
- กรมประมงได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมการเลี้ยงปลาบึกเพียงไร
- ผู้ที่เลี้ยงปลาบึกควรเป็นเกษตรกรขนาดใด จึงสามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้
นายเสน่ห์ ผลประสิทธิ์ อดีตผู้เชี่ยวชาญกรมประมง ได้ตอบข้อซักถามต่อที่ประชุมสรุปได้คือ
- ไม่ทราบจำนวนพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาบึกแน่ชัดและคุณภาพของไร่และน้ำเชื้อจะเสื่อมลงเมื่อปลาบึกมีอายุมากขึ้น
- ไม่ได้นำปลาบึกจากแม่น้ำโขงผสมพันธุ์เลยเนื่องจากปลาบึกในแม่น้ำโขงลดจำนวนลงมาก
-ปัจจุบันกรมประมงยังมิได้ให้ความสำคัญในเรื่องการเพาะเลี้ยงปลาบึกเท่าที่ควรเนื่องจากขาดข้อมูลที่ชัดเจน
-ควร เป็นเกษตรกรขนาดกลางที่มีพื้นที่มากพอที่จะสามารถขายปลาบึกได้เดือนละครั้ง และพื้นที่ที่ใช้เลี้ยงปลาบึกควรเป็นพื้นที่ที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์
จากนั้น คณะอนุกรรมาธิการ ได้ซักถามต่อที่ประชุมสรุปได้คือ
-เนื้อปลาบึกและเนื้อปลาช่อนเนื้อปลาชนิดใดมีคุณค่าทางอาหารมากกว่ากัน
-มีความเป็นไปได้หรือไม่หากจะส่งเสริมให้เนื้อปลาบึกเป็นสินค้าระดับสูง
นายเสน่ห์ ผลประสิทธิ์ อดีตผู้เชี่ยวชาญกรมประมง ได้ตอบข้อซักถามต่อที่ประชุมสรุปได้คือ
-เนื้อปลาบึกและเนื้อปลาช่อนมีโปรตีนสูง ๒๐% เท่ากัน แต่เนื้อปลาบึกมีสาร omega 3 และ omega 6
-การ ส่งเสริมให้ปลาบึกเป็นสินค้าระดับสูง อาจสามารถทำได้โดยอาจเลี้ยงในกระชัง ที่มีน้ำสมบูรณ์สะอาดจะทำให้เนื้อปลามีรสชาติดีสะอาดน่ารับประทาน และต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่าบริโภคเนื้อปลาบึกแล้วมีประโยชน์ อย่างไร แต่หากผู้เลี้ยงรายใดต้องการส่งออกนอกราชอาณาจักรควรขออนุญาตตามขั้นตอน ของอนุสัญญาไซเตสล่วงหน้า ๑-๒ ปี จึงได้รับความสะดวก
ระเบียบวาระที่ ๔ เรื่องอื่นๆ
ที่ ประชุมได้มีมติให้ประชุมครั้งต่อไปในวันอังคารที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ เวลา ๐๙.๓๐ นาฬิกา ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการหมายเลข ๒๐๙ ชั้น ๒ อาคารรัฐสภา ๒
เมื่อได้เวลาพอสมควรประธานคณะอนุกรรมาธิการได้กล่าวขอบคุณผู้เข้าร่วมประชุมและกล่าวปิดประชุม
เลิกประชุมเวลา ๑๑.๕๕ นาฬิกา
นายธีรพล ประดิษฐบรรจง
วิทยากร ๔ สำนักกรรมาธิการ
ผู้จดบันทึกการประชุม
เรื่อง/ภาพ : นิตยสารสัตว์น้ำ