Slideshow

ADS468x60

.

ผลิตลูกอ๊อดป้อนตลาด 12 ล้านตัว / เดือน

สมพรฟาร์มผลิตลูกอ๊อดป้อนตลาด 12 ล้านตัว / เดือน
           กบเป็นสัตว์น้ำอีกชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจเพราะกบมีคุณค่าทางโภชนาการสูงไม่แพ้สัตว์น้ำชนิดอื่นๆ ซึ่งการเพาะเลี้ยงกบเป็นอาชีพหนึ่งที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถมีรายได้เสริมหรือทำเป็นอาชีพหลักก็ได้ แต่ปัจจัยและองค์ประกอบที่สำคัญที่จะทำให้การเพาะเลี้ยงประสบความสำเร็จและก้าวหน้าในงานนั้นต้องอาศัยความขยันเอาใจใส่และเน้นในเรื่องของความสะอาดของบ่อเพาะเลี้ยงและอนุบาลซึ่งผลที่ตามมาคือผลผลิตที่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยสมกับการลงทุน
             อาชีพเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงกบสามารถแบ่งออกได้หลายแขนง  เช่น การเพาะขยายพันธุ์  การเลี้ยงกบเนื้อ การแปรรูป การส่งออก บางฟาร์มก็ทำแบบครบวงจรเพื่อให้เป็นธุรกิจที่ต่อเนื่องแต่บางฟาร์มก็ทำตามกำลังที่สามารถบริหารจัดการได้แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอาศัยปัจจัยประกอบหลายอย่างที่เข้ามาช่วยผยุงกิจการให้อยู่ลอดปลอดภัยท่ามกลางกระแสเศรษฐกิจที่เป็นตัวแปรสำคัญ
               นิตยสารสัตว์น้ำฉบับนี้ทีมงานตระเวนทำข่าวไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเมืองกรุงเก่าของคนไทยเพื่อไปเก็บข้อมูลข่าวสารการเพาะเลี้ยงกบมาฝากท่านผู้อ่านเมื่อไปถึงเขตพื้นที่ทีมงานได้รับการตอนรับอย่างเป็นกันเองจากท่านผู้หลักผู้ใหญ่ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยาคุณสมทรง  พันธ์เจริญวรกุล และท่าน สส.สุรศักดิ์  พันธ์เจริญวรกุล ซึ่งถือเป็นเกียรติแก่ทีมงานที่ได้มีโอกาสเข้าไปสวัสดีปีใหม่พร้อมด้วยคุณสมพร คำพร เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกบที่รอทีมงานไปสบทบที่บ้านนายก อบจ.อยู่ก่อนแล้ว
             ชีวิตคือการต่อสู้ การเรียนรู้คือยาชูกำลัง ทำปัจจุบันให้ดีอนาคตก็ต้องดี เป็นคติพจน์ประจำใจของหญิงแกร่งผู้ที่ต่อสู้และไม่ยอมแพ้ต่อความจนซึ่งเป็นเกษตรกรดีเด่นระดับประเทศผู้ที่คร่ำหวอดในการเพาะเลี้ยงกบที่ถือว่าประสบความสำเร็จทั้งในสายงานอาชีพและยังสร้างประโยชน์แก่สังคม
              คุณสมพร  คำพร  อยู่บ้านเลขที่ 40 ม. 5 ต.ลำตาเสา   อ.วังน้อย  จ.พระนครศรีอยุธยาเจ้าของสมพรฟาร์มได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่นระดับประเทศถึงสองปีที่เจ้าของฟาร์มภาคภูมิใจเป็นพิเศษได้กล่าวกับทีมงานด้วยรอยยิ้มว่าเดิมที่เธอและสามีประกอบอาชีพทำนาเป็นอาชีพหลักแต่ก็มีปัญหาทำแล้วไม่คุ้มค่าในการลงทุนจึงเริ่มคิดหางานที่เข้ามาเสริม
           คุณมนตรี คำพร คู่ชีวิตของคุณสมพรที่ฟันฝ่าอุปสรรคผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันซึ่งนอกจากการทำนาแล้วอาชีพอีกอย่างของคุณมนตรี คืองานรับเหมาก่อสร้าง  หลายปีก่อนในขณะที่ทำงานก่อสร้างโรงเรียนแห่งหนึ่งก็ได้เห็นบ้านที่อยู่บริเวณนั้นมีการเพาะเลี้ยงกบจึงได้เข้าไปสอบถามขั้นตอนวิธีการเพาะเลี้ยง  อนุบาล ตลอดจนการเลี้ยง  จึงลองนำเทคนิคและวิธีการที่ได้มาทดลองทำที่บ้านเมื่อ พ.ศ.2535 แต่ด้วยที่ทุนมีน้อยก็เริ่มทำบ่อซีเมนต์ 4 บ่อ ขนาด 3x4 เมตร ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นและด้วยที่ยังเป็นมือใหม่หัดขับสมพรฟาร์มไม่ละทิ้งความพยายามสอบถามข้อมูลความรู้การเลี้ยงกบตลอดจนปัญหาและวิธีแก้ไขจากเพื่อนเกษตรกรที่เพาะเลี้ยงกบอยู่ก่อน รวมทั้งความรู้ทางวิชาการจากเจ้าหน้าที่กรมประมงและติดตามข้อมูลข่าวสารจากสื่อโทรทัศน์หรือหนังสือนิตยสารที่เกี่ยวข้อง
               เมื่อปี 2536 เริ่มเข้าสู่ปีที่ 2 ที่ผันตัวจากชาวนามายึดอาชีพในการเพาะเลี้ยงกบเพิ่มพื้นที่บ่อในการเพาะเลี้ยงเป็น 7 บ่อ และนำประสบการณ์หรือบทเรียนในปีที่ผ่านมาปรับปรุงประยุกต์ใช้ให้เข้ากับฟาร์มซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จจากการเพาะเลี้ยงกบพอสมควร และเริ่มคัดกบที่มีลักษณะดีไว้เป็นพ่อ-แม่พันธุ์ต่อไป
กบพ่อ - แม่พันธุ์
  ลักษณะกบพ่อแม่พันธุ์ที่ดีและพร้อมผสมพันธุ์
พ่อพันธุ์ แม่พันธุ์กบที่ดีควรมีลักษณะดังนี้คือ
1. มีสภาพสมบูรณ์ในระบบการผสมพันธุ์
2. มีอัตราการเติบโตปกติสม่ำเสมอ
3. เลี้ยงบำรุงด้วยอาหารอย่างดี
4. ไม่ควรได้รับการกระทบกระเทือนที่รุนแรง
5. ไม่มีบาดแผลตามลำตัว
6. ไม่มีโรคและพยาธิเบียดเบียน
7. มีรูปร่างสมส่วนตามสายพันธุ์
8. มีอายุที่สมบูรณ์เพศพร้อมผสมพันธุ์
พ่อแม่พันธุ์ที่มีความพร้อมในการผสมพันธุ์ควรมีลักษณะดังนี้
พ่อพันธุ์กบ
  - ตัวผู้ มีขนาดเล็กกว่าตัวเมีย
  - มีถุงกล่องเสียงสีคล้ำที่ใต้คาง 2 ข้าง  
  - สีสันบนตัวจะเหลืองกว่าตัวเมีย
  - พ่อพันธุ์ ควรมีอายุ 8 เดือน ขึ้นไป โดยมีน้ำหนักตัว 200-250 กรัม หรือ 4-5 ตัวต่อกิโลกรัม  
  - จะต้องคึก ดูได้จากเมื่อสอดนิ้วมือเข้าระหว่างขาหน้าทั้งสอง พ่อพันธุ์จะรัดแน่น
แม่พันธุ์กบ
  - ตัวเมีย มีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้
  -ไม่มีถุงกล่องเสียงใต้คาง
  - ตัวเมียที่ไข่แก่ท้องจะโป่งนูนเห็นได้ชัด
  - แม่พันธุ์ ควรมีอายุ 8 เดือน ขึ้นไป และไข่จะสมบูรณ์เต็มที่ เมื่ออายุ 1 ปี โดยมีน้ำหนักตัว 330 กรัม ขึ้นไป หรือขนาด 3 ตัวต่อกิโลกรัม
-ไข่ต้องแก่จัด มีสีดำ ข้างลำตัวทั้งสองด้านเมื่อเอามือลูบจะสาก ท้องค่อนข้างใหญ่

ติดตามคอลัมน์หน้า (ตอนที่ 2) ... 
ภาพ/ข่าว : นิตยสารสัตว์น้ำ 


การเลี้ยงและการจัดการกบพ่อแม่พันธุ์
- บ่อที่ใช้เลี้ยงเป็นบ่อซีเมนต์ขนาด 3x4 เมตร สูง 1.2 เมตร หรือ 1.5 เมตร มีวัสดุปิดด้านบน เช่น กระเบื้องมุงหลังคา           หรือแสลน เพื่อป้องกันไม่ให้กบตกใจ เครียดหรือโดนแดด ในขณะเดียวกันก็สามารถเปิดให้ได้รับแสงแดดได้บ้าง
- ต้องเลี้ยงแยกเพศ แบ่งเป็นบ่อแม่พันธุ์และบ่อพ่อพันธุ์ เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์จึงนำมารวมกันในบ่อฟักเพื่อให้กบจับคู่
- ไม่ควรเลี้ยงกบหนาแน่นเกินไป อัตราการปล่อยที่เหมาะสม คือ 40 ตัว / ตารางเมตร
- มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำสม่ำเสมอ และควบคุมไม่ให้น้ำเน่าเสีย
- ให้อาหารวันละ 1 – 2 ครั้ง เมื่อใกล้ฤดูผสมพันธุ์ให้ลดปริมาณอาหารลง มิฉะนั้นกบจะอ้วนมีแต่ไขมัน ไม่มีไข่
- มีการให้วิตามินและแร่ธาตุผสมอาหารเพื่อบำรุงระบบสืบพันธุ์
               กบที่ใช้ในการขยายพันธุ์ที่ฟาร์มเป็นลูกผสมระหว่างพ่อแม่พันธุ์กบนาและกบจานเพราะกบทั้งสองสายพันธุ์มีลักษณะเด่นและด้อยที่แตกต่างกันแต่เมื่อนำมาผสมข้ามสายพันธุ์ทำให้ได้ลูกอ๊อดที่ดีมีคุณภาพ เมื่อเกษตรกรนำไปเลี้ยงลำตัวจะออกสีเหลือง  มีขนาดตัวใหญ่ มีการเจริญเติบโตที่ดี เลี้ยงง่ายทนต่อสภาพแวดล้อม คุณสมพรกล่าวถึงจุดเด่นของสายพันธุ์กบที่เพาะ
              คุณมนตรียังให้สัมภาษณ์เพิ่มเต็มว่าสำหรับบ่อเพาะเลี้ยงและบ่ออนุบาลจะแยกออกเป็นโซนแต่ละบ่อมีขนาด 3x4 เมตร โดยจะสร้างเป็นโรงเรือนใช้ตาข่ายตาถี่ล้อมรอบทั้งด้านบนและด้านข้างเพื่อป้องกันศัตรูกบภายในบ่อเพาะเลี้ยงจะมีท่อ พีวีซี เส้นผ่านศูนย์กลาง 5 ซม. สูง 5 ซม.ต่อท่อออกสู่ร่องน้ำเพื่อระบายน้ำออกเวลาฝนตกหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำ และก่อนจะนำกบพ่อแม่พันธุ์มาเพาะที่บ่อก่อนอื่นต้องเตรียมบ่อล่วงหน้าโดยการล้างทำความสะอาดตากบ่อให้แห้งทิ้งไว้ประมาณ 1 - 3 วันหลังจากนั้นก็จะปล่อยน้ำเข้าบ่อสูง 5-7 เซนติเมตร นำพืชน้ำหรือผักบุ้งกระจายให้ทั่วบ่อเพื่อเป็นที่ยึดของไข่กบ เวลาประมาณ 20 .00 น. จะนำพ่อแม่พันธุ์กบปล่อยลงบ่อเพาะฟักในอัตรา 1:1 ประมาณ 10 คู่ / บ่อ  แม่กบจะออกไข่ตอนกลางคืนหลังจากที่ปล่อยผสมพันธุ์พอถึงตอนเช้าเมื่อแม่กบออกไข่แล้วก็จะจับแยกพ่อแม่พันธุ์ไว้คนละบ่อเพื่อขุนให้แม่กบสร้างไข่เพาะพันธุ์ในครั้งต่อไป
            จำนวนลูกอ๊อดที่ทางสมพรฟาร์มเพาะเพื่อรองรับความต้องการของเกษตรกรเฉลี่ยประมาณ 400,000 ตัว / สัปดาห์ ภายใน 1 เดือนสามารถเพาะได้ถึง 3 ครั้งรวมแล้วผลิตลูกอ๊อด 12,000,000 ตัว / เดือน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศและความสมบูรณ์ของพ่อแม่พันธุ์กบด้วย
        จากการพูดคุยทีมงานกับเจ้าของฟาร์มก็ได้ทราบถึงพัฒนาการของลูกอ๊อดจนกลายเป็นกบเนื้อว่ามีขั้นตอนการจัดการอย่างไรก่อนที่จะได้ลูกอ๊อดออกมาจำหน่ายให้เกษตรกร
 พัฒนาการลูกอ๊อด
       หลังจากที่แม่กบวางไข่หลังจากนั้นประมาณ 24 ชม.ไข่กบจะฟักออกมาเป็นลูกอ๊อดในช่วง 3 วันแรกจะยังไม่ให้อาหารกบเพราะช่วงนี้ลูกอ๊อดจะกินอาหารจากถุงไข่แดงเมื่อเข้าวันที่ 4 จะให้ไข่แดงต้มสุขบดละลายให้ลูกอ๊อดกินจากนั้นก็ปรับเป็นอาหารเม็ดเล็กตามพัฒนาการของลูกอ๊อดเมื่อลูกอ๊อดอายุ 7 วันก็สามารถเริ่มจำหน่ายให้เกษตรกรนำไปเลี้ยงเป็นกบเนื้อต่อไปแต่ไซซ์ของลูกอ๊อดและลูกกบที่จำหน่ายนั้นมีหลายขนาดซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันตามไซซ์และอายุของลูกอ๊อดมีตั้งแต่ ราคา 25 สต.จนถึง 1-5 บาท
         ส่วนลูกอ๊อดที่เกษตรกรนำไปเลี้ยงเป็นกบเนื้อแล้วแต่ความสามารถและกำลังทุนทรัพย์ว่าเกษตรกรจะเลี้ยงให้ได้ไซซ์ไหนที่สำคัญจะต้องได้กบที่ดีมีคุณภาพตรงกบความต้องการของตลาดโดยคุณสมพรจะเป็นผู้ติดต่อประสานงานพ่อค้าแม่ขายเพื่อรองรับผลผลิตจากเกษตรกรที่รับลูกอ๊อดจากสมพรฟาร์มไปเลี้ยงเป็นการบริการลูกค้าหลังการขายไม่ว่าจะเป็นตลาดภายในหรือต่างประเทศเจ้าของฟาร์มการันตีว่ามีแหล่งตลาดให้แต่ต้องเป็นกบที่ตรงกับสเป๊กของตลาดที่กำหนดไว้ด้วย คุณสมพรกล่าว
           เนื่องจากบ่อเพาะเลี้ยงกบที่สมพรฟาร์มเป็นบ่อปูนซีเมนต์ที่ปูพื้นด้วยกระเบื้องทำให้พ่อแม่พันธุ์กบมีปัญหาในช่วงฤดูหนาวเพราะธรรมชาติของกบในฤดูหนาวกบจะจำศีลทำให้ต้องหยุดการเพาะลูกอ๊อดทางฟาร์มจึงย้ายพ่อแม่พันธุ์กบในระหว่างนี้เข้าไปอยู่ในโอ่งแดงและใช้ไฟกกเพื่อให้ความอบอุ่นอุณหภูมิประมาณ 30 องศาเชลเซียส คุณมนตรีให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงการจัดการกบพ่อแม่พันธุ์ในช่วงฤดูหนาว
                 จากประสบการณ์ที่คลุกคลีการเพาะเลี้ยงกบทำให้ทราบเทคนิควิธีการต่าง ๆ ในการเพาะพันธุ์ และเลี้ยงกบดังนี้
                        - พ่อแม่พันธุ์กบสามารถผสมพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี  โดยใช้วิธีการเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อพ่อแม่พันธุ์ทุกวันเพื่อความสะอาด ทำให้เกิดความกระชุ่มกระชวยเหมือนได้รับน้ำใหม่ตลอดเวลา จัดพันธุ์ไม้น้ำเลียนแบบธรรมชาติ  ทำให้กบมีความพร้อมในการสืบพันธุ์นอกฤดู
                        - ในฤดูหนาวสมพรฟาร์มจะนำพ่อ-แม่พันธุ์ ลงไปเลี้ยงในโอ่งเพื่อให้ความอบอุ่นเหมือนกับว่ากบได้จำศีล
                        - เปิดเพลงให้กบฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนให้อาหาร กบจะกระโดดโลดเต้นอย่างสนุกสนาน  ทำให้กบไม่เครียด และเกิดความเคยชินเวลามีคนมาเยี่ยมฟาร์มเมื่อเปิดเพลงฟังจะทำให้กบไม่ตกใจง่าย 
                     - ใช้สมุนไพรคลุกเคล้ากับอาหารเพื่อป้องกันและรักษาโรค  เช่น ใบกระเพรา โดยเด็ดเฉพาะใบมาตำขยำน้ำ จะช่วยแก้อาการท้องอืด แก้หวัด  ฟ้าทะลายโจร แก้หวัด  แทนการใช้ยาปฏิชีวนะ
                     - การปรับสภาพน้ำในบ่อโดยใช้ต้นกล้วยหั่นเป็นชิ้น ๆ แช่ในบ่อ  และใช้จุลินทรีย์ในการปรับสภาพน้ำ
                     - ระบบน้ำทิ้งจะเก็บกักในถังไฟเบอร์พักใหญ่ แล้วจึงระบายน้ำออก  สู่นาข้าวข้างเคียง ปรากฏว่าข้าวมีการเติบโตดีและน้ำที่ระบายออกไม่มีกลิ่นเหม็นรบกวนเพื่อนบ้านอีกทั้งสมพรฟาร์มจะหมักจุลินทรีย์มาใช้ภายในการบำบัดกลิ่นเพื่อย่อยสลายพวกแบคทีเรียภายในบ่อรวมถึงผสมในอาหารให้กบกินเพื่อช่วยให้ระบบทางเดินอาหารของกบด้วย
        นอกจากจะเอาดีในด้านการเพาะเลี้ยงกบและยังมีสิ่งหนึ่งที่คุณสมพรให้ความสำคัญและยังดำรงตำแหน่งหลายตำแหน่งจนทีมงานลำดับไม่ถูกจะยกมาเพียงบางส่วนคือ ผู้พิพากษาสมทบศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว,เป็นศูนย์เรียนรู้ถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อการศึกษา ส่วนราชการ ภายในจังหวัดและต่างจังหวัด,
        การได้ช่วยเหลือสังคมเมื่อเธอว่างงานจากการเพาะเลี้ยงกบก็จะเอาเวลาที่เหลือเข้าไปช่วยสร้างคุณประโยชน์แก่ชุมชนเป็นเกษตรกรหญิงอีกท่านหนึ่งที่มีบทบาทหลายตอนทั้งหน้าที่การงานและยังใช้เวลาว่างเพื่อส่วนรวม
         สำหรับการประกอบงานทุกสาขาอาชีพนั้นล้วนมีเทคนิคที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับว่าผู้ประกอบการนั้นใส่ใจและให้ความสำคัญในอาชีพที่ทำขนาดไหนแต่องค์ประกอบในการประกอบอาชีพมีหลายอย่างที่ขาดไม่ได้ที่นำไปสู่ความสำเร็จ คือ ความเอาใจใส่ ความขยัน องค์ความรู้ในอาชีพที่ทำ และมีอีกหลายข้อที่ไม่ได้กล่าวถึง
หากเกษตรกรท่านใดสนใจลูกพันธุ์กบพร้อมเทคนิคในการเลี้ยงหรือสอบถามข้อมูลการเพาะเลี้ยงกบพร้อมทั้งตลาดขายกบสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Thaiaquaticpro.com หรือ นิตยสารสัตว์น้ำ
ภาพ/ข่าว : นิตยสารสัตว์น้ำ