การเลี้ยงปลาในกระชังเป็น รูปแบบการเลี้ยงที่ให้ผลผลิตสูง     ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในเชิงเศรษฐศาสตร์      และการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำทั่วไป      อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ที่ไม่มีที่ดินทำกินสามารถหันมาเลี้ยงปลาได้      หากปล่อยปลาในอัตราที่เหมาะสมจะทำให้ปลามีอัตราการเจริญเติบโตที่ดีขึ้น     สามารถช่วยลดระยะเวลาการเลี้ยงให้สั้นลงได้
     นอกจากนี้ยังสะดวกในการดูแลจัดการการเคลื่อนย้าย      รวมทั้งการเก็บเกี่ยวผลผลิตและมีการลงทุนต่ำกว่ารูปแบบการเลี้ยงอื่นๆ      ในขณะที่ผลตอบแทนต่อพื้นที่สูง อย่างไรก็ตาม      การเลี้ยงปลานิลในกระชังอาจจะมีข้อเสียอยู่บ้าง เช่น      ปัญหาโรคพยาธิที่มากับน้ำซึ่งไม่สามารถควบคุมได้      นอกจากนั้นยังอาจก่อให้เกิดปัญหาเรื่องสภาพแวดล้อมหากไม่มีการคำนึงถึง     ปริมาณและที่ตั้งของกระชัง ตลอดจนความเหมาะสมของลำน้ำ      ดังนั้นการเลี้ยงยังขึ้นอยู่กับอาหารสำเร็จรูปเพียงอย่งเดียวทำให้สิ้น     เปลืองในการลงทุน      หลักการสำคัญที่ควรคำนึงถึงสำหรับการเลี้ยงปลาในกระชังได้แก่      
ข่าวฮอต/คอลัมน์ร้อน
การเลี้ยงปลาในกระชัง กำไร 2 เด่ง
       การเลือกสถานที่  บริเวณ   ที่จะทำการเลี้ยงปลาในกระชังจะต้องมี  คุณภาพสิ่งแวดล้อมอยู่ในเกณฑ์ดี      เนื่องจากการเลี้ยงปลาในกระชังเป็นการเลี้ยงแบบพัฒนา(intensive)      เน้นการจัดการเลี้ยงโดยใช้อาหารเป็นหลัก      คุณภาพน้ำจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการเลี้ยงปลาในกระชัง      โดยปกติแหล่งน้ำที่นำมาเลี้ยงปลาในกระชังควรเป็นแหล่งน้ำที่มีความสมบูรณ์      กล่าวคือ จะต้องมีปริมาณธาตุอาหารต่ำ หรือกล่าวอย่างง่ายๆ คือ      น้ำจะต้องใสสะอาด มีคุณภาพดี       การเลี้ยงปลาในกระชังสามารถทำได้ทั้งในบ่อขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถถ่ายน้ำได้     หมด หรือในอ่างเก็บน้ำ แม่น้ำ ลำคลอง หนอง บึงทั่วไป      รวมถึงบริเวณชายฝั่งทะเล เป็นต้น โดยมีหลักในการพิจารณาถึงทำเลที่เหมาะสม      ดังนี้ 
       การถ่ายเทของกระแสน้ำ       ปกติการเลี้ยงปลาในกระชังจะอาศัยการถ่ายเทน้ำผ่านกระชังเพื่อพัดเอาน้ำดี     เข้ามาและไล่เอาของเสียออกไปนอกกระชัง      เสมือนมีการเปลี่ยนน้ำใหม่เพื่อให้น้ำมีคุณภาพตลอดเวลา ดังนั้น      บริเวณที่เลี้ยงปลาในกระชังจึงควรมีกระแสน้ำและลม      เพื่อช่วยให้การหมุนเวียนของน้ำ      ภายในกระชังเป็นไปด้วยดีแต่ต้องไม่รุนแรงนัก      โดยเฉพาะสำหรับการเลี้ยงปลาในกระชังในอ่างเก็บน้ำหรือบ่อขนาดใหญ่      กระแสลมจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการหมุนเวียนของกระแสน้ำในกระชัง      บริเวณที่แขวนกระชังจึงควรเป็นบริเวณที่โล่งแจ้ง      ห่างไกลจากร่มไม้และไม่ควรมีพรรณไม้น้ำ      เนื่องจากต้นไม้และพรรณไม้น้ำมักจะบังกระแสลมและกระแสน้ำ      ซึ่งจะมีผลต่อการหมุนเวียนถ่ายเทน้ำในกระชัง 
       ความลึกของแหล่งน้ำ        แหล่งน้ำควรมีความลึกพอประมาณ      เมื่อกางกระชังแล้วระดับพื้นกระชังควรสูงจากพื้นก้นบ่อหรือพื้นน้ำไม่น้อย     กว่า 50 เซนติเมตร เพื่อให้น้ำถ่ายเทได้ดีตลอด
       ห่างไกลจากสิ่งรบกวน        บริเวณที่ลอยกระชังควรห่างจากแหล่งชุมชน      เพื่อป้องกันการรบกวนจากการพลุกพล่าน ซึ่งจะทำให้เกิดความเครียดกระวนกระวาย      ได้รับบาดเจ็บจากการว่ายชนกระชังทำให้ปลาไม่กินอาหาร      ทั้งหมดนี้จะเป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตตามปกติของปลาที่เลี้ยงหรือเป็น     โรคติดเชื้อจากบาดแผลที่เกิดขึ้นได้
       ชนิดปลาที่จะเลี้ยงและอัตราปล่อย
       ดัง ได้กล่าวแล้วว่ารูปแบบการเลี้ยงในกระชัง     มีความเหมาะสมต่อการเลี้ยงปลานิลเป็นอย่างยิ่ง      เนื่องจากปลานิลเป็นปลาที่เลี้ยงง่าย มีความอดทน มีตลาดรองรับ      โดยเฉพาะปลานิลแปลงเพศ ซึ่งเป็นปลาเพศผู้ล้วน      จะทำให้ได้ผลผลิตสูงกว่าเพศเมีย      อีกทั้งจะได้ปลาที่มีขนาดใหญ่และปลาแต่ละตัวมีขนาดไม่แตกต่างกันมาก      อีกทั้งจะได้ปลาที่เลี้ยงจะเป็นรุ่นเดียวกันซึ่งต่างจากการเลี้ยงปลานิลรวม     เพศที่มีการผสมพันธุ์วางไข่ ทำให้มีปลาหลายรุ่น และมีจำนวนแน่นบ่อ      เกิดการแย่งอาหาร และพื้นที่ไม่เพียงพอ      สำหรับอัตราการปล่อยนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น      ขนาดที่เริ่มปล่อย ระยะเวลาการเลี้ยง และขนาดที่ตลาดต้องการ       
อาหาร การให้อาหาร และการจัดการระหว่างการเลี้ยง
       การ    เลี้ยงปลาในกระชังเป็นรูปแบบการเลี้ยงปลา แบบพัฒนา (intensive)     หรือกึ่งพัฒนา (semi - intensive)      เน้นการให้อาหารเพื่อเร่งผลผลิตและการเจริญเติบโต      จึงควรจะใช้อาหารที่มีคุณค่าทางโปรตีนค่อนข้างสูงและเหมาะสมกับความต้องการ     ของปลาแต่ละขนาด      ปัจจัยที่สำคัญควรนำมาประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับการให้อาหารปลาในกระชัง      ได้แก่
       ระดับโปรตีนในอาหาร         ปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของปลานิลที่มีอายุต่างกันจะแตก     ต่างกัน สำหรับลูกปลาวัยอ่อน (Juvenile) และลูกปลานิ้ว (Fingerling)      จะต้องการอาหารทีมีระดับโปรตีนประมาณ 30 - 40 %      แต่ในปลาใหญ่จะต้องการอาหารที่มีโปรตีนประมาณ 25 - 30 % 
       เวลาในการให้อาหาร      เนื่องจากปลานิลจะกินอาหารได้ดี      เมื่อมีปริมาณออกซิเจนละลายในน้ำสูงจะเป็นช่วงเวลากลางวัน      ดังนั้นส่วนใหญ่จึงควรให้อาหารในช่วงเวลาดังกล่าว
       ความถี่ในการให้อาหาร ปลา       นิลเป็นปลาที่ไม่มีกระเพาะอาหารจริงจึงสามารถกินอาหารได้ทีละน้อยและมีการ     ย่อยอาหารที่ค่อนข้างช้า การให้อาหารครั้งละมากๆ      จะทำให้สูญเสียอาหารและก่อให้เกิดสภาวะน้ำเสียได้ ดังนั้น      เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากอาหารเม็ดสูงสุดจึงควรให้อาหารแต่น้อย      แต่ให้บ่อยๆ โดยความถี่ที่เหมาะสมคือ ปริมาร 4 - 5 ครั้งต่อวัน      จะช่วยเร่งการเจริญเติบโตและทำให้ผลตอบแทนในเชิงเศรษฐศาสตร์สูงสุด
       อัตราการให้อาหาร ปริมาณ     อาหารที่ให้ปลากินจะขึ้นอยู่กับขนาดของปลาและอุณหภูมิ      หากอุณหภูมิของน้ำสูงขึ้นจะทำให้อัตราการกินอาหารของปลาสูงขึ้นตามไปด้วย      อุณหภูมิน้ำที่เหมาะสมประมาณ 25 - 30 องศาเซลเซียล ควรให้อาหาร 20 %      ของน้ำหนักปลา สำหรับปลาขนาดเล็กในปลารุ่นอัตราการให้อาหารจะลดลงเหลือ      ประมาณ 6 - 8 % และสำหรับปลาใหญ่ อัตราการให้อาหารจะเหลือเพียง ประมาณ 3 - 4      %
       การจัดการระหว่างการเลี้ยง 
ควร มีการตรวจสอบกระชังเพื่อซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดทุกๆ สัปดาห์ รวมทั้งสุ่มปลามาตรวจสอบน้ำหนักเพื่อปรับปริมาณอาหารที่ให้ได้อย่างเหมาะสม
ควร มีการตรวจสอบกระชังเพื่อซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดทุกๆ สัปดาห์ รวมทั้งสุ่มปลามาตรวจสอบน้ำหนักเพื่อปรับปริมาณอาหารที่ให้ได้อย่างเหมาะสม
       การเก็บเกี่ยวผลผลิต
       การ    เก็บเกี่ยวผลผลิตเป็นข้อควรคำนึงอีก     ประการหนึ่งสำหรับการจัดการการเก็บเกี่ยวผลผลิต      จากการเลี้ยงในกระชังควรคำนึงถึงขนาดของปลาและปริมาณที่ตลาดต้องการ
       การสร้างกระชัง
       รูปร่างและขนาดของกระชัง 
       กระชัง    ที่ใช้เลี้ยงปลานิลมีรูปทรงต่างๆ เช่น  รูปสี่เหลี่ยมจตุรัส     รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า และรูปกลม เป็นต้น      รูปร่างของกระชังจะมีผลต่อการไหลผ่านของกระแสน้ำที่ถ่ายเทเข้าไปในกระชัง      เมื่อเปรียบเทียบปริมาณเท่ากันๆ      กระชังรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสจะมีพื้นที่ผิวที่ให้กระแสน้ำไหลผ่านได้มากกว่า     กระชังรูปแบบอื่นๆ 
       ขนาดกระชัง ที่    ใช้เลี้ยงจะ แตกต่างกันไป ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการของเกษตรกร      ขนาดพื้นที่ที่แขวนกระชัง ตลอดจนปัจจัยต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น      ขนาดกระชังที่นิยมใช้โดยทั่วไป คือ 
       กระชังสี่เหลี่ยม ขนาด 1.2 x 1.2 x 2.5 หรือ 2 x 2 x 2.5 เมตร     กระชังสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 4 x 2 x 2.5 เมตร
       สำหรับ    ต้นทุนค่าสร้างกระชัง      ต้นทุนต่อปริมาตรจะลดลงเมื่อขนาดของกระชังใหญ่ขึ้นแต่ผลผลิตต่อปริมาตรก็จะ     ลดลงด้วย เนื่องจากกระชังใหญ่กระแสน้ำไม่สามารถหมุนเวียนได้ทั่วถึง      ความลึกของกระชังส่วนใหญ่ที่ใช้จะมีความลึก 2.5 เมตร      เมื่อลอยกระชังจะให้กระชังจมอยู่ในน้ำเพียง 2.2 เมตร      โดยมีส่วนที่โผล่พ้นน้ำประมาณ 20 - 25 เซนติเมตร      ความลึกของกระชังมีผลต่อการเจริญเติบโตของปลาเช่นกัน  ปกติระดับออกซิเจนทีละลายในน้ำจะสูงบริเวณผิวน้ำ ที่ระดับความลึกประมาณ 2      เมตร ปริมาณออกศิเจนที่ละลายในน้ำเพียง 50 - 70 %      ของปริมาณออกซิเจนที่ผิวน้ำเท่านั้น ดังนั้น      การสร้างกระชังไม่ควรให้ลึกเกินไป      เนื่องจากปลาจะหนีลงไปอยู่ในส่วนที่ลึกซึ่งมีปริมาณออกซิเจนต่ำ      และจะส่งผลให้ปลากินอาหารน้อยมีอัตราการเจริญเติบโตต่ำ      ดังนั้นขนาดกระชังขึ้นอยู่กับปัจจัยเป็นองค์ประกอบของการเลี้ยงซึ่งผู้     เลี้ยงต้องตัดสินใจโดยพิจารณาถึงจำนวนปลาที่ปล่อย      กระชังขนาดเล็กที่ปล่อยหนาแน่น ให้ผลผลิตต่อปริมาตรสูง ดูแลจัดการง่าย      แต่ผลผลิตรวมอาจต่ำกว่ากระชังขนาดใหญ่ดังกล่าวข้างต้น
       นอก    จากนี้บริเวณผนังกระชังด้านบน  ควรใช้มุ้งเขียวขนาดความกว้างประมาณ 90     เซนติเมตร      ขึงทับไว้เพื่อป้องกันมิให้อาหารหลุดออกนอกกระชังในระหว่างการให้อาหาร
       การแขงนกระชัง ควร    แขวนให้ กระชังห่างกันไม่น้อยกว่า 3 เมตร      เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดมุมอับระหว่างกระชังเป็นการลดสภาวะการขาดออกซิเจน       หากจำเป็นควรใช้เครื่องตีน้ำหรือเครื่องสูบน้ำช่วยให้เกิดการหมุนเวียนถ่าย     เทน้ำภายในกระชังและเป็นการเพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำอีกด้วย 
       ขนาดตาอวนที่ใช้ทำกระชัง      จะต้องเหมาะสมกับขนาดปลาที่เลี้ยงเพื่อป้องกันไม่ให้ปลาหนีลอดไปได้       อีกทั้งจะต้องให้กระแสน้ำไหลผ่านได้สะดวกและป้องกันไม่ให้ปลาขนาดเล็กภายนอก     เข้ามารบกวนและแย่งอาหารปลาในกระชัง   ขนาดตาอวนที่ใช้ไม่ควรมีขนาดเล็กกว่า    1.5 x 1.5 เซนติเมตร   เพื่อไม่ให้ขัดขวางการหมุนเวียนของน้ำผ่านกระชัง      กระชังควรมีฝาปิดซึ่งอาจทำจากเนื้ออวนชนิดเดียวกับที่ใช้กระชังหรือวัสดุที่     เหมาะสม      ทั้งนี้เพื่อป้องกันปลาที่เลี้ยงหนีออกและปลาจากภายนอกกระโดดเข้ากระชัง      รวมทั้งป้องกันไม่ให้นกมากินปลาที่เลี้ยง
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)

